ระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน (EMS system)
“ตามวาระระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินเพื่ออนาคต”(EMS Agenda for the Future)
ระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน (EMS system)
หมายถึง ระบบที่มีการจัดวางอย่างเป็นระเบียบ (organized) ครอบคลุม (integrated)
เป็นไปเพื่อให้ความช่วยเหลือภาวะเร่งด่วนทางการแพทย์สำหรับบุคคลแต่ละคน เพื่อเข้าถึง (assess)
และเข้าสู่ (enter) ระบบการให้การดูแลสุขภาพในระยะเวลาอันรวดเร็ว
องค์ประกอบของระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน
· กลไกการสื่อสาร เพื่อริเริ่มการให้การตอบสนองต่อความต้องการบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน (Communications mechanism to initiate a response)
· พาหนะและบุคลากรผู้ให้บริการ (Vehicle with personnel) เพื่อให้การรักษาและนำส่งผู้ป่วย
· สถานพยาบาลที่รองรับผู้ป่วย (Receiving facility)
ปรัชญาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน
· มีขึ้นเพื่อสนองความต้องการด้านการแพทย์ฉุกเฉินในระดับชุมชน เมืองใหญ่ และทั้งประเทศ
· ไม่จำเป็นต้องเป็นระบบใหม่ที่พัฒนาขึ้นอย่างหรูหราลงตัว แต่ต้องเป็นระบบที่ใช้ได้กับองค์ประกอบที่มีอยู่เดิมแล้ว
· การจะเข้าไป “ควบคุม” ระบบที่เป็นอิสระ หลากหลาย เหล่านี้เป็นเรื่องที่ยากมากถ้าไม่สร้างระบบใหม่ขึ้นมาเลย ทางแก้คือ การใช้และการประสานงานทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
· ผู้ที่เป็นผู้จัดการระบบจึงต้องมีความสามารถในการจัดการงบประมาณ (funding), การทำสัญญาเจรจา (contract negotiations), และการให้บริการการแพทย์ (medical care) พร้อมๆไปกับการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบเหล่านี้ให้เข้าสู่การกำหนดเป็นตัวบทกฎหมาย หรือ พรบ.แห่งชาติ
หน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉิน(The EMS Agency)
· “หน่วยผู้นำ” (Lead agency) มีบทบาทเป็นผู้รับผิดชอบทุกๆอย่างในระบบ เพื่อประสานงานและชี้นำองค์ประกอบทั้งหมดของระบบ หน่วยเหล่านี้มักจะมีอยู่ในชุมชน เขต หรือจังหวัดต่างๆอยู่แล้ว หรือจะเป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นเป็นอิสระภายใต้ความควบคุมของกฎหมาย หรือพรบ. เพื่อจัดการระบบก็ได้
· ตัวแทนที่มีอำนาจสูงสุดนี้ควรจะเป็นผู้จัดตั้งนโยบายของระบบเพื่อเป็นหลักการที่ใช้ตรงกัน ไม่ให้เกิดข้อโต้แย้งในการทำงาน ถือเป็นอำนาจสูงสุดของระบบ
· นโยบายจะต้องยังประโยชน์สูงสุดต่อผู้ป่วย มิใช่เป็นไปเพื่อประโยชน์ทางการเมืองหรือผลประโยชน์ทางการเงิน
· หน่วยที่เป็นผู้นำระบบ (EMS Lead agency)ควรเป็นผู้จัดหาความช่วยเหลือทางเทคนิคให้แก่ EMS ท้องถิ่น เป็นผู้พัฒนาและสนับสนุนการนำระบบเข้าสู่การจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย การหลอมรวมระบบ EMS ให้เป็นหนึ่งเดียว สนับสนุนการเข้าไปมีส่วนร่วมและการควบคุมทางการแพทย์โดยตรง (direct medical involvement)ในทุกกิจกรรมของ EMS
การพัฒนาแผนแม่บท (Developing a Master Plan)
· ตัวแทนที่เป็นผู้นำระบบ (EMS Lead agency) มีหน้าที่รับผิดชอบในการพัฒนาแผนแม่บทอันได้แก่ มาตรฐานการดำเนินการสำหรับทุกองค์ประกอบของระบบ และ การจัดหาบริการให้ประชาชน
· การพัฒนาแผนควรขึ้นกับข้อมูล (input) จากผู้ให้บริการและผู้รับบริการกลุ่มใหญ่ และควรมีการรับฟังการประเมิน (feedback) จากกลุ่มด้วย
· การมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถอย่างพอเพียงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเติมเต็มนโยบายให้ประสบผลสำเร็จได้
ปัจจัยที่จะทำให้เกิดการวางแผนและพัฒนาแผนแม่บทอย่างมีประสิทธิภาพ
· หาความต้องการของระบบ ทรัพยากรที่มีอยู่ และการให้บริการที่สามารถใช้ได้อยู่แล้วในระบบ แม้จะยังไม่มีประสิทธิภาพ เช่น อาสาสมัครกู้ภัย อาสาสมัครดับเพลิง มูลนิธิการกุศล ซึ่งเป็นกำลังที่สำคัญและไม่สิ้นเปลืองงบประมาณของระบบ
· แผนควรระบุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่เฉพาะเจาะจง
“เห็นชัด และวัดได้”
· ควรมีการพัฒนารูปแบบวิธี (method) ที่นำไปสู่การบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้
· ควรมีกำหนดตารางเวลาที่ใช้ได้จริง เพื่อกำหนดระยะเวลาในการปฏิบัติแผนให้สำเร็จลุล่วง
· ควรมีการกำหนดรูปแบบวิธีที่ใช้ในการประเมินผลความก้าวหน้าในการบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้
· การประเมินเงินงบประมาณที่ต้องใช้ในการบรรลุเป้าหมายและแหล่งเงินงบประมาณที่สามารถตอบสนองความต้องการที่ตั้งไว้ได้
โดยสรุป
แผนแม่บทของระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินได้แก่
· การประเมินความต้องการ
· การรวบรวมข้อมูล
· การวิเคราะห์แหล่งทรัพยากรที่มีอยู่
· ตั้งขอบเขตเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง
· การพัฒนาและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ
· สร้างกิจกรรมที่ทำให้เกิดการพัฒนาคุณภาพอย่างยั่งยืน
· สร้างงบประมาณเงินทุนที่ใช้งานได้
องค์ประกอบของระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินดั้งเดิม
· กำลังคน (manpower)
· การฝึกอบรม (training)
· การสื่อสาร (communications)
· การขนส่ง (transportation)
· สิ่งอำนวยความสะดวกในภาวะฉุกเฉิน (emergency facilities)
· แผนกผู้ป่วยวิกฤต (critical care unit)
· หน่วยดูแลความปลอดภัยสาธารณะ (public safety agencies)
· การมีส่วนร่วมของผู้บริโภค (consumer participation)
· การเข้าถึงการดูแล (access to care)
· การขนส่งผู้ป่วย (patient transfer)
· การเก็บข้อมูลอย่างมีมาตรฐาน (standardized record-keeping)
· การให้ข้อมูลและการศึกษาแก่ประชาชน (public information and education)
· การทบทวนและประเมินระบบ (system review and evaluation)
· การวางแผนรับภัยพิบัติ (disaster planning)
· ความช่วยเหลือจากนอกพื้นที่ที่อยู่ใกล้เคียง (mutual aid)
องค์ประกอบของระบบบริการการแพทย์ยุคใหม่
· การควบคุมโดยบุคลากรทางการแพทย์ ( physician medical oversight or control)
· การสื่อสาร (communications)
· การสั่งการ (dispatch)
· หน่วยขนส่งผู้ป่วยนอกโรงพยาบาล (out-of-hospital transport agencies)
· หน่วยขนส่งผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาล (interfacility transport agencies)
· แบบแผนการปฏิบัติ (Protocols 4 Ts : triage, treatment, transport และ transfer)
· สถานพยาบาลที่รองรับ (receiving facilities)
· แผนกดูแลผู้ป่วยเฉพาะทาง (specialty care units)
· การฝึกอบรม (training)
· การรับรองคุณภาพ (audit and quality assurance)
· การเงิน (financing)
· การให้ข้อมูลและการศึกษาแก่ประชาชน (public information and education)
· ความช่วยเหลือจากนอกพื้นที่ที่อยู่ใกล้เคียง (mutual aid)
· การจัดการภัยพิบัติ (disaster management)
การให้คำแนะนำทางการแพทย์ (Medical oversight)
· การควบคุมทางการแพทย์ (medical control)
· โดยการสื่อสาร (Online, medical direction) วิทยุ, โทรศัพท์
· โดยไม่ใช้การสื่อสาร (Offline) : education, quality assurance, protocols
· การให้คำแนะนำทางการแพทย์ (medical oversight) อธิบายรวมถึงกิจกรรมในอนาคต ในปัจจุบัน และในอดีต ที่ควบคุมดูแลโดยแพทย์ และบุคลากรการแพทย์คนอื่นๆ ที่มีความรับผิดชอบและอำนาจสูงที่สุดในการดูแล
หน้าที่ความรับผิดชอบของแพทย์ใน medical oversight
· ให้การรับรองการเข้ามีส่วนร่วมของผู้ให้บริการนอกโรงพยาบาลซึ่งได้ปฏิบัติการภายใต้คำแนะนำของแพทย์
· แบ่งแยกภาระหน้าที่ของผู้ให้บริการ EMSกับการให้บริการทางการแพทย์ด้วยสาเหตุที่เกี่ยวข้อง
· สร้างแบบแผนการปฏิบัติ (Protocols)
· สร้างเงื่อนไขการแบ่งระดับความเร่งด่วนในการให้การรักษาเบื้องต้น (Criteria for level of initial emergency response : BLS, ALS)
· สร้างแนวทางการรับส่งผู้ป่วยตามระยะทางของที่เกิดเหตุ
· สร้างมาตรฐานการสั่งการทางการแพทย์
· เป็นแพทย์ที่ให้คำแนะนำทางโทรศัพท์
· สร้างความความพร้อมของสถานการณ์กรณีที่การนำส่งและการตอบสนองไม่สามารถกระทำได้
· ให้การรับรองการให้การศึกษาแก่ บุคลากร EMSทุกระดับ
· สร้างการประเมินประสิทธิภาพของระบบ และสร้างกิจกรรมที่พัฒนาคุณภาพของระบบ
สรุป
· องค์ประกอบของระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน คือ องค์กร, การรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน, และการประสานงาน เพื่อให้เกิดการดูแลผู้ป่วยอย่างเหมาะสมมากที่สุด
· ตัวแทนและผู้ควบคุมทางการแพทย์ (agency and medical director) ต้องแน่ใจว่าองค์ประกอบที่สำคัญแต่ละส่วนมีอยู่ในระบบจริงและทำหน้าที่ตามแผนที่วางไว้
· การควบคุมคุณภาพระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินเป็นกระบวนการที่ไม่อยู่นิ่ง (dynamic process) และแพทย์ที่ทำหน้าที่ให้คำปรึกษา (medical oversight) ควรมีความรู้เรื่องโครงสร้างขององค์กรและระบบเป็นอย่างดี
· ผู้ควบคุมทางการแพทย์ (medical director) มักไม่ได้ควบคุมกิจกรรมและการปฏิบัติงานขององค์ประกอบระบบโดยตรง แต่ก็ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับทุกองค์ประกอบในระบบ ต้องทราบจุดอ่อนของระบบ และแก้ไขปัญหาที่ดูมีศักยภาพต่อระบบได้ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น
บรรณานุกรม
John A. Brennan, Jon R. Krohmer, et al. Principles of EMS systems, 3rd ed, Chapter 2 ; EMS system, p.18-29
แปลเป็นไทย โดย doctor_apple
ขอขอบคุณ : อาจารย์ นพ.สมชาย กาญจนสุต สำหรับหนังสือดีๆจากอเมริกาเพื่อการพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในประเทศไทย