“เมื่อฉัน ทำงานกู้ชีพ”

บทกลอนนี้จริง ๆ เขียนเสร็จมานานเป็นปีแล้ว ซึ่งทำให้ตัวเองคันพบแนวทางที่ทำให้ทำงานกู้ชีพได้อย่างมีความสุข ตอนแรกไม่ได้คิดจะให้ใครอ่าน แต่ช่วงหลังๆ มีพยาบาลหลายคนที่ต้องรับผิดชอบงาน EMS เคยมาปรึกษาและโทรฯ มาหาบ่อย ๆ หลายคนหมดกำลังใจ หลายคนคุยไปร้องไห้ไป ซึ่งตัวเองเข้าใจความรู้สึกดี เพราะหัวอกเดียวกัน ได้แต่ให้กำลังใจ เวลานี้ จึงอยากจะนำมาให้ลองอ่านดู เพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนทำงานทุกคนให้ต่อสู้ต่อไปค่ะ

ต่อไปนี้ คือเรื่องราว จะเล่าขาน

ประสบการณ์ ของฉัน ถึงน้องพี่

ได้สั่งสม เรื่องมากมาย มาหลายปี

เขียนครั้งนี้ เพื่อถ่ายทอด ถอดเป็นกลอน

ฉันก็เป็น พยาบาล เหมือนท่านแหละ

เมื่อยังเด็ก พี่ชี้แนะ และสั่งสอน

ไม่ได้รู้ มาแต่เกิด จากอุทร

ประสบการณ์ คอยสอน ให้ดั่งครู

ฉันเรียนจบ ก็ทำงาน ด้านฉุกเฉิน ( ER โรงพยาบาลราชวิถี)

เครียดเหลือเกิน ทุกโมงยาม เรื่องความรู้

พี่คอยสอน ประสบการณ์สั่ง ดั่งเป็นครู

ทุกวันนี้รู้ เรื่องได้ ต้องใช้เวลา ( 16 ปีในER )

ต่อมาฉัน ต้องย้ายมา ทำงานที่

นเรนทร ราชวิถี แห่งนี้หนา

ต้องปรับตัว ปรับใจ ปรับศรัทธา

ให้เห็นคุณค่า รักงานนี้(งานกู้ชีพ) ที่ไม่เคยทำ

งานกู้ชีพ ดูดูไป คล้ายงานเก่า

คล้ายคล้ายงาน อีอาร์เรา ทุกเช้าค่ำ

อยู่อีอาร์ สิบหกปี ยังจดจำ

ถูกหลอกมา ยังตอกย้ำ ไม่เคยเลือน

อยู่อีอาร์ มากู้ชีพ นึกว่าหมู

มาลองดู ที่ว่าใช่ ชักไม่เหมือน

โชคดีมี พี่คอยสอน คอยตักเตือน

อีกทั้งเพื่อน คอยรับฟัง ให้กำลังใจ

เป็นผู้หญิง คนเดียว เปลี่ยวความคิด

ต้องเตรียมจิต เตรียมตน ต้องทนไหว

ไม่เคยรู้ อี เอ็ม เอส คืออะไร

ไม่เคยปกครอง ผู้ชาย หลายหลายคน

ไม่เคยคิด ต้องมาสอน อาสาสมัคร

ไม่เคยสัก วันไหน ไม่สับสน

ไม่เคยรู้ สักนิด เรื่องเครื่องยนต์

ไม่เคยทน ก็ต้องทน จนชินชา

ไม่เคยเขียน โครงการ งานต่างๆ

ไม่เคยนั่ง บรรยายให้ คนพร้อมหน้า

ไม่เคยว่าง ตอนสิบหก นาฬิกา

ไม่เคยพา ฝรั่งมังค่า มาดูงาน

ไม่เคยพูด ฝรั่ง ก็ต้องพูด

ไม่เคยทำ หลักสูตร หรือมาตรฐาน

ไม่เคยเป็น ที่ปรึกษา เรื่องการงาน

ไม่เคยเรียน บริหาร เหมือนใครใคร

ไม่เคยเป็น ที่ปรึกษา วิทยานิพนธ์

ไม่เคยบ่น เรื่องสองขั้น ให้หวั่นไหว

ไม่เคยคิด เปรียบเทียบ กับใครใคร

ไม่เคยได้ ศึกษา ปริญญาโท

ไม่เคยคิด ว่าจะเป็น เช่นวันนี้

ไม่เคยที่ ลืมความหลัง ครั้งยังโง่

ไม่เคยคิด ว่าตัวเอง นั้นใหญ่โต

ไม่เคยโม้ ว่าเราเก่ง เบ่งกับใคร

รู้แต่ว่า จะตั้งใจ ให้เต็มที่

รู้ตัวดี ต้องศึกษา กว่าไหนไหน

รู้รู้รู้ ถ้าเราท้อ คงถอดใจ

รู้แก้ไข (รู้อภัย) จึงมีสุข ทุกข์ผ่อนคลาย

ถึงวันนี้ นั่งทบทวน วันเก่าๆ

อย่างน้อยเรา ก็ผ่านพ้น มาจนได้

เปรียบเหมือนมี น้ำหล่อเลี้ยง ในหัวใจ

ให้เราสู้ ต่อไป กับอีกหลายคน ( ในนเรนทร )

ที่เคยกลัว ก็ไม่กลัว เหมือนแต่ก่อน

ที่เคยร้อน กลับเป็นเย็น เช่นน้ำฝน

ที่เคยเจ็บ ยิ่งสอนให้ ใจอดทน

ที่เคยดิ้นรน สอนให้นิ่ง เป็นสิ่งดี

ที่เคยขลาด สอนให้ ใจยิ่งสู้

ที่เคยผิด กลายเป็นครู รู้หลีกหนี

ที่เคยเหนื่อย ผลคุ้มค่า น่าเหนื่อยดี

ที่ไม่มี คือเรื่องคิด ริษยาใคร

มาวันนี้ การงาน เริ่มเข้าที่

ขอขอบคุณ เพื่อน น้อง พี่ ที่คอยให้

คอยชี้แนะ นั่งฟัง ให้กำลังใจ

ที่ยิ่งใหญ่ ขอบคุณประสบการณ์ ที่ผ่านมา

ฉันขอฝาก บทกลอนนี้ ถึงพี่น้อง

ให้ทบทวน ไตร่ตรอง ลองดูหนา

ถ้าทำงาน แล้วมีสุข ทุกเวลา

อะไรล่ะ จะมีค่า เท่าสุขใจ

อย่ารอฟ้า อย่ารอฝน อย่าบ่นหนาว

ขอแต่เรา มุ่งมั่น อย่าหวั่นไหว

บอกตัวเอง ให้รู้ สู้ต่อไป

บอกหัวใจ ให้เข้มแข็ง แกร่งนานๆ

ฟ้าจะมี ตาหรือไม่ ก็ช่างฟ้า

สวรรค์ไม่ เปิดตา ก็ช่างสวรรค์

ฝนจะตก ไม่ทั่วฟ้า ก็ช่างมัน

ดินจะสั่น สะเทือนลั่น ก็ช่างดิน

จะทำงาน ขอเพียงให้ ใจสู้สู้

ชีวิตอยู่ ต้องเข้มแข็ง แกร่งดังหิน

มุ่งทำงาน เพื่อตอบแทน คุณแผ่นดิน

ชีวิตสิ้น ไม่เสียที ที่เกิดมา

ประสบการณ์ ที่ฉันเล่า ให้ฟังนี้

ถ้าท่านเห็น เป็นสิ่งดี มีคุณค่า

ฉันก็คง มีสุข ทุกเวลา

ที่ถ่ายทอด ออกมา ให้ท่านฟัง

อี เอม เอส ยังมีงาน อีกตั้งเยอะ

เร็วๆเถอะ ให้สำเร็จ เสร็จดังหวัง

ปลุกความคิด ปลุกจิตใจ ปลุกพลัง

เผื่อไว้ให้ คนรุ่นหลัง เดินทางตาม

เจ้าป้า

Navigation