ฉากที่ 3 องค์ที่ 2 : ห้อง 7 ( resuscitation) ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลห้วยหนองหลึม
ที่มุมหนึ่งของห้อง resuscitation คุณกล้าฤทัย กำลังถูกพยาบาลห้อง 16 เย็บแผลอยู่ (เมาอาละวาด พองาม แล้วก็เงียบไป) ส่วนป้าม้วย ถูกปั๊มด้วยพยาบาล A, บีบ ambu bag โดยพยาบาล 11 (เป็นคนดี มีน้ำใจยังไม่กลับไปกับรถ ในขณะที่ EMT a เตรียมยาให้ IV ,ส่วน EMT b รอเป็นกำลังใจอยู่ข้าง ๆ ) ด้านหน้าห้องก็เป็นน้องหนูนาที่พึ่งผ่านการตรวจทุกอย่างเรียบร้อย เดินถือผล lab และ film x ray มาหาที่ห้อง resuscitation ด้วยสภาพอิดโรย หน้าซีด ปวดท้อง (หมายเหตุ: ในห้อง resuscitation ไม่มีม่านกั้น ทุกคนจึงเห็นกันหมด)
หนูนา : คุณคะ(เหมือนโฆษณาการบินไทย) ที่ทุกคนในห้อง resuscitation หยุดมอง ให้ความสนใจ มี slogan โรงพยาบาลห้วยหนองหลึม ขึ้นประกอบข้างใต้ “ คุณคะ” คำที่เราใส่ใจ
หนูนา : ผลตรวจออกแล้วค่ะ หนูปวดท้องค่ะ เวียนหัว หน้ามืดด้วย คุณหมออยู่ไหนคะ
พยาบาลห้อง 16 : คุณเลี้ยวขวา ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขึ้นขาหยั่งรอที่ห้อง 15 เลยค่ะ เดี๋ยวหมอตามไป ช่วยเหลือตัวเองก่อนนะคะ ตอนนี้ทุกคนกำลังยุ่งค่ะแล้วหนูนาก็เดินจากไปที่ห้อง 15 หมอสุนตี เดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วมาที่เตียงป้าม้วย ถามว่า
หมอสุนตี : คนไข้ชื่ออะไร เป็นอะไรมานะครับ
พยาบาล 11 : ป้าม้วยค่ะ ออกเหตุ EMS ประวัติเดิม DM, HT, MI เล่าว่าแน่นหน้าอก ½ ชั่วโมงไม่ดีขึ้น ระหว่างที่รอทำ EKG ก็ arrest ไปซะก่อน
หมอสุนตี : โอ้ น่าเศร้าใจ ฟังชื่อก็น่าอยู่นะ เหตุสุดวิสัย underlying เดิมก็เยอะอยู่แล้ว บวกกับ Acute MI ด้วยอีก ปั๊มกันมากี่นาทีแล้วล่ะ
พยาบาล A : ก็รวมเวลาตั้งแต่เรียกหมอก็ 30 นาทีแล้วค่ะ
หมอสุนตี : อื้อ EKG asystole (จริง ๆ แล้ว lead หลุด) ให้ยาและปั๊มกันเต็มที่แล้วนี่ก็หยุดเถอะ เดี๋ยวผมคุยกับญาติเอง
ฉากที่ 4 องค์ที่ 2 : หน่วยคัดกรอง หน้าห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลห้วยหนองหลึม
หมอสุนตี คุยกับญาติป้าม้วย (สิทธิโชค) หน้าห้องฉุกเฉิน และมีพยาบาลคัดกรองยืนอยู่ข้าง ๆ ที่หน่วยคัดกรอง
หมอสุนตี : หมอและทีมได้ช่วยเหลือญาติคุณอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ด้วยโรคที่แกเป็นมันหนักจริง ๆ แล้วเกิดเหตุอย่างปัจจุบันทันด่วนด้วย ป้าคุณเสียชีวิตแล้วครับ หมอเสียใจด้วย
ชายหนุ่ม : จริงเหรอครับ ไม่น่าเลย ผมโทรเรียกรถตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วแท้ ๆ
พยาบาลคัดกรอง : นั่นสิคะ ฉันก็อุตส่าห์ส่งเข้า Fast track แล้วแท้ ๆ
หมอสุนตี : เป็นเหตุสุดวิสัยครับ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ตลอด แล้วก็เร็วด้วย แค่ไม่กี่นาทีก็เสียชีวิตได้แล้ว
ชายหนุ่ม : ขอผมเข้าไปดูป้าหน่อยได้มั้ยครับ
หมอสุนตี : อย่าเพิ่งเลยดีกว่าครับ รอให้ผมจัดการเอกสารให้เรียบร้อยแล้วคุณค่อยไปรับศพที่ห้องสุคติชนดีกว่าครับ เดี๋ยวพยาบาลจะมาให้คำแนะนำนะครับ
พยาบาลห้อง 16 วิ่งออกมาหาหมอสุนตี ว่าคนไข้ที่ตัวเองเย็บแผลเสร็จ ซึมมาก ปลุกไม่ตื่น
หมอสุนตี : ขอตัวผมเข้าไปดูคนไข้ก่อนนะครับ
ชายหนุ่ม : เชิญครับหมอ
ฉากที่ 5 องค์ที่ 2 : ห้อง 7 resuscitation ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลห้วยหนองหลึม
หมอสุนตี เข้าไปดูคนไข้ในห้อง resuscitation สั่งให้ยุติ CPR ป้าม้วย และเดินไปดูคุณกล้าฤทัย ใช้มืออังที่จมูกแล้วเปรยออกมาว่า
หมอสุนตี : เสียชีวิตแล้ว ยังหนุ่มอยู่แท้ ๆ น่าเสียดายนัก ทนพิษบาดแผลไม่ไหวจนถึงแก่ความตาย
พยาบาลห้อง 16 : แต่พี่ฉีดยาชาก่อนเย็บนะคะหมอ
หมอสุนตี : ถึงจะทำแต่ก็นั่นแหละครับ ไม่เพียงพอ เพราะพิษบาดแผลได้แทรกซึมเข้าสู่ระบบลงไปถึงกะโหลกดำแล้ว ยากที่จะแก้ไขให้ฟื้นคืนชีพได้ แม้จะดูเหมือนปกติดีในตอนแรกก็ตาม เรียกญาติมาคุยกับผมนะครับ
แล้ว incharge ก็เดินมาตามหมอสุนตี อีกครั้ง หมอคะที่ห้อง x ray โทรมาบอกว่าคนไข้ที่หมอส่งไปทั้งสองคน ตอนนี้ตัวเขียว หมดสติอยู่หน้าห้อง x ray คาดว่านานแล้วค่ะ
หมอสุนตี : ตามเปล ให้นำคนไข้มาด่วนเลยครับ
จากนั้นคนไข้(ไม่สิต้องเรียกว่า 2 ศพ) ก็ถูกนำส่งเข้าห้อง resuscitation ในสภาพแน่นิ่ง โดยที่หมอสุนตี ก็ไม่รู้จะให้การช่วยเหลืออย่างไรพร้อมกัน 2 คน จึงไม่ทำอะไรนอกจากเรียกหา film
หมอสุนตี : ผมจะช่วยพร้อมกันอย่างไร 2 คนล่ะ เอางี้ ไหน ๆ ก็ตายไปแล้ว ผมอยากรู้ว่า 2 คนนี้ตาย จากอะไร ขอดู film หน่อยครับ หมอสุนตี ไปที่ blog film แล้วเสียบ film x ray แต่เปิดไม่ติด จึงเคาะ blog แต่ก็ยังไม่ติด จึงเรียกพยาบาลมาช่วยกันดู ก็มาช่วยกันเคาะก็ไม่ติด
พยาบาล 11 : จุดธูป ดีมั้ยคะ
หมอสุนตี : คุณ ก็ทำเป็นเล่นไปได้ จะจุดธูปได้ยังไง ถ้าไม่มีเทียน, ดอกไม้
พยาบาล 11 : ไม่ได้เสียบปลั๊กค่ะ
หมอสุนตี : อ้าวคุณพยาบาลไม่ได้เสียบ charge ไฟไว้เหรอ เครื่องมือโรงพยาบาลนี้ไม่พร้อมใช้เลยนะ เป็นความเสี่ยงนะคุณ (แปลกใจว่า blog film รุ่นไหนที่มีการ charge ไฟบ้าง)
หมอสุนตี จึงเสียบปลั๊กแล้วอ่าน film (film ลุงชูฮกเซ็งมีลักษณะเป็น tension pneumothorax, ส่วนสามานวจี เข้าได้กับ epiglottitis)
หมอสุนตี : ลุงชูฮกเซ็ง film chest ก็ดู normal นะ สงสัยสูบบุหรี่จัด hypoxia ตาย ดูสิปอดดำเชียว , ละอีกคนล่ะ สามานวจี อือ กลืนน้ำลายไม่ได้ คงสำลักน้ำลายเสียชีวิต ล่ะ แย่จัง hypoxia ทั้งคู่เลยพยาบาล A เดินมาในห้อง resuscitation หลังจากที่ไปดูคนไข้ที่ห้อง 15
พยาบาล A : หมอคะ มีคนไข้รอตรวจภายในคนนึงค่ะ กำลังนอนขาหยั่ง หน้าซีด บ่นปวดท้องมากเชียวค่ะ
หมอสุนตี : ประวัติเป็นอะไรครับ
พยาบาล A : เห็นบอกว่า ปวดท้องน้อยซ้าย, ประจำเดือนขาด 3 เดือน มีเลือดออกทางช่องคลอด แล้วก็หน้ามืดล่ะค่ะ
หมอสุนตี : ฉีดยาแก้ปวดให้คนไข้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมคุยกับญาติ 2 คนนี้เสร็จแล้วผมจะไปดู
15 นาทีต่อมา หลังจากที่หมอสุนตี คุยกับญาติทั้ง 2 คนเสร็จเดินเข้ามาในห้องฉุกเฉิน พยาบาล A ก็เดินมารายงาน case ให้ทราบ
พยาบาล A : คนไข้ที่รอหมอในห้องตรวจภายใน ตอนนี้นิ่ง ไม่หายใจไปแล้วค่ะ
หมอสุนตี : อะไรกัน ปวดมากจนทนไม่ไหว ต้องกลั้นใจตายกันเลยเหรอ เป็นอะไรกันไปหมดนะคนไข้สมัยนี้ ใจเสาะชะมัด คืนนี้ 5 คนแล้วนะ เดี๋ยวผมไปดูคนไข้ (ศพ) แล้วคุยช่วยตามญาติมาคุยนะครับ
................................................................................................................................
จบครับ เป็นอันว่า คุณหมอสุนตี (ไปตีความกันเอาเองนะครับว่าควรจะเป็นอะไรดี) ก็ทำงานใน ER ด้วยความเหน็ดเหนื่อย แต่ผลตอบแทนที่ได้รับกลับไม่ดีเอาเสียเลย มีคนไข้ทนไม่ไหว หนีเจ็บ, หนีเหนื่อยตายกันไปรวม 5 คน ซึ่งสาเหตุที่พอจะนึกถึงได้ก็ได้แก่คุณป้าม้วย Myocardial infarction, arrhythmia สาเหตุเนื่องจากความช้า และไม่พร้อมของอุปกรณ์ตั้งแต่ EKG ทำให้ fast track ไม่ได้เป็น fast track สมชื่อคุณกล้าฤทัย ที่ถูกฟันที่ศีรษะ มีประวัติว่าเอะอะโวยวายก่อนที่จะซึม ควรคิดถึง intracranial bleeding หรือ epidural hematoma มากกว่าคนไข้เมาไว้ด้วยเสมอคุณสามานวจี แม้ว่า อาการตอนมาจะดูเหมือนดี แต่ไข้ น้ำลายไหล เจ็บคอมากจนพูดไม่ค่อยได้ ก็เป็นอีกอันที่ชวนให้คิดถึง epiglottitis ได้บ้างเหมือนกันคุณลุงชูฮกเซ็ง อาจจะดูเหมือนเหนื่อยจาก COPD แต่ก็มีโอกาสจะเกิด pneumothorax แล้วพัฒนาไปเป็น tension pneumothorax ได้บ้างเช่นกันคุณหนูนา ด้วยความอดทน พยายามของเธอในการขอความเห็นใจเพื่อให้ได้รับการรักษา แต่สุดท้าย เธอก็ไม่ได้รับการรักษาใด ๆ จนเธอต้อง bleeding จน shock ตาย จากภาวะ ectopic pregnancy แล้ว ER ของคุณล่ะครับ วุ่นวายแบบนี้บ้างหรือเปล่า ขอได้รับความขอบคุณจาก ทีมงานห้วยหนองหลึม สวัสดีครับ