ภาวะที่มีความดันโลหิตสูงร่วมกับ Acute end organ ischemia (ระบบการไหลเวียนโลหิต, ไต และระบบประสาท) ซึ่ง ควรรักษาโดยลดความดันโลหิตลงใน 1 ชั่วโมง โดยในแต่ละภาวะ มีเป้าหมายและการเลือกใช้ยาที่แตกต่างกัน เช่น
1. Hypertensive encephalopathy เน้นที่เป็นเร็วและดีขึ้นได้ หลังการรักษา ซึ่งอาจมาด้วยปวดศีรษะ, สับสน, คลื่นไส้ อาเจียน, ชัก, ซึมลงจนถึงหมดสติได้
การรักษา เน้นลด MAP* ลง 25% (มักไม่ให้ MAP < 100 mmHg), หลีกเลี่ยงยาที่ควบคุมการลดความดันไม่ได้ เช่น Nifedi- pine Sublingual มักให้ Nitroglycerin IV drip
2. Malignant Hypertension มาด้วยปวดศีรษะมาก, ตามัว,เหนื่อย, เจ็บหน้าอก, อาการของ uremia (BUN, Cr สูงร่วมกับ hematuria) มักพบ DBP > 130 mmHg, Cardiomegaly, Eye ground ผิดปกติ
การรักษา ลด MAP ลง ~ 25%,เป้าหมาย 160 / 100 mmHg ในช่วง 2-6 ชั่วโมง โดยให้ Nitroprusside IV drip
3. Stroke Syndrome
การรักษา ICH ลด MAP ลง 20% (MAP~ 130 mmHg), ยาหลักคือ Labetalol (แต่เมืองไทยไม่มี?) รองลงมาคือ Nitro- prusside, Nicardipine
4. Aortic dissection
การรักษา ลด SBP เหลือ 100-120 mmHg โดยให้ Beta-blocker ร่วมกับ Vasodilator เช่น Nitroprusside, Nicardipine
5. Chronic kidney disease มักใช้ Nitroprusside เป็นยาหลัก ตัวอื่นเช่น Nicardipine
6. Cardiac ischemia ใช้ Nitroglycerine+ Beta-blocker เช่น Metoprolol IV เป็นยาหลัก (โดยเฉพาะในรายที่ได้ Streptokinase เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกคุม ให้ BP < 180 / 110 mmHg)
7. Pulmonary edema มักให้ Nitroglycerin+ Nitroprusside
8. Pregnancy (Preeclampsia / Eclampsia)
การรักษา ลดความดันโลหิตเพื่อป้องกันภาวะชัก โดยให้ Hydralazine หรือ Nicardipine * ค่า Mean Arterial Pressure (MAP) = 1/3 SBP + 2/3 DBP